HP Indigo press 3050
สุดยอดเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ดิจิตัลออฟเซ็ท

HP Indigo press 3050 เป็นเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ท 6 สีระบบดิจิตัล สามารถพิมพ์งานโดยตรงจาเกครื่อง PC หรือ MacIntosh ไม่ต้องผ่านขั้นตอนยิงฟิล์มอัดเพลท ทำให้สามารถพิมพ์งานจำนวนน้อยได้ในราคาต่ำ เริ่มต้นที่ 1 แผ่นขึ้นไป พิมพ์งานด่วนรอรับได้ทันที และพิมพ์งานที่มีข้อมูลเปลี่ยนแปลงได้ทุกแผ่น

ดิจิตัลออฟเซ็ทจึงเหมาะสำหรับการประยุกต์ใช้งานใน 4 ลักษณะดังนี้

Print on Demand
พิมพ์จำนวนน้อย ตามที่ต้องการใช้งานจริง
Fast Turnaround
พิมพ์งานด่วนมาก รอรับได้
Personalized Printing
พิมพ์เปลี่ยนข้อมูลทุกแผ่น เฉพาะสำหรับผู้รับแต่ละคน
Hi-Fi Printing
พิมพ์ 6 สี เพิ่มสีสรรให้เหมือนจริง
หลักการทำงาน

HP Indigo เป็นเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตัลออฟเซ็ทที่ใช้หมึกพิมพ์ชนิดน้ำ เรียกว่า ElectroInk ซึ่งประจุไฟฟ้าลงบนเม็ดสีได้ ทำให้สามารถควบคุมตำแหน่งการลงหมึกพิมพ์ด้วยอนุภาคขนาดเล็กเพียง 1 ไมครอนได้อย่างแม่นยำ จึงพิมพ์ภาพได้รายละเอียดสูง และคมชัด คุณภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่า (ในบางกรณี) การพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ทแบบเดิม เทคโนโลยีดิจิตัลนอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพการพิมพ์สูงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์รูปแบบงานพิมพ์ที่หลากหลายได้ไม่จำกัดอีกด้วย

HP Indigo สามารถพิมพ์งานจากไฟล์ข้อมูลโดยตรง ไม่ต้องใช้เพลท ทำให้สามารถพิมพ์งานได้เร็วและราคาต่ำ (เมื่อพิมพ์จำนวนน้อย) ภาพสีในรูปแบบ RGB หรือ CMYK จะถูกแยกสีด้วยระบบคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงและสร้างภาพทีละสีโดยใช้ลำแสงเลเซอร์ เพื่อพิมพ์ลงบนกระดาษ ข้อได้เปรียบของดิจิตัลออฟเซ็ทเมื่อเปรียบเทียบกับการพิมพ์ระบบอื่นๆ ได้แก่

รายละเอียดและความคมชัดสูงมาก
ภาพสีที่พิมพ์จากเครื่อง HP Indigo มีรายละเอียดสูงและความคมชัดเหนือกว่าการพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ชนิดโทนเนอร์ (ผงหมึกแห้ง) และกระทั่งจากเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ททั่วไป กระทั่งสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โดยหลักการ หมึกพิมพ์ Electroink ไม่ได้ซึมลงในเนื้อเยื่อกระดาษ เม็ดสีพิมพ์ลงบนผิวกระดาษด้วยขนาดที่เล็กมาก จึงทำให้งานพิมพ์ที่ได้มีรายละเอียดและความคมชัดสูงมาก

เครื่องพิมพ์ชนิดโทนเนอร์ก็เช่นเดียวกัน ผงหมึกไม่ได้ซึมลงในเนื้อเยื่อกระดาษ แต่มีข้อด้อยเนื่องจากเม็ดสีมีขนาดใหญ่กว่า และโทนเนอร์เกิดการฟุ้งกระจาย ทำให้พิมพ์ภาพได้ไม่คมชัดเท่าที่ควร

การพิมพ์สอดสีที่แม่นยำ
HP Indigo ใช้เทคนิคในการแยกสีและเปลี่ยนสลับสีแบบ “on-the-fly” เพื่อพิมพ์จนครบครบทั้ง 4 (หรือ 6) สีในการหมุนแต่ละรอบบนแท่นพิมพ์เพียงชุดเดียว ทำให้สามารถพิมพ์ภาพครบทุกสีลงบนกระดาษแต่ละแผ่นที่วิ่งผ่านแท่นพิมพ์เพียงครั้งเดียว แตกต่างจากเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ททั่วไปที่ต้องใช้แท่นพิมพ์หลายชุดแยกเป็นอิสระสำหรับการพิมพ์แต่ละสี

การใช้แท่นพิมพ์ชุดเดียวสำหรับพิมพ์หลายสีที่ต้องเปลี่ยนแปลงข้อมูลอย่างรวดเร็วในทุกสี ทำให้เครื่อง HP Indigo จำเป็นต้องมีความแม่นยำทางเครื่องกลสูงมาก และต้องสามารถถ่ายทอดภาพพิมพ์ลงบนกระดาษได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการพิมพ์สอดสีที่มีคุณภาพสูงและแม่นยำมากนั่นเอง

ความสม่ำเสมอของสีและเม็ดสี
ในขณะที่เครื่องพิมพ์ะกำลังทำงาน มีการเบี่ยงเบนของสภาวะต่างๆ เกิดขึ้น ได้แก่ อุณหภูมิของน้ำและหมึกพิมพ์ ความสมดุลระหว่างน้ำกับหมึกพิมพ์ การเสื่อมสภาพของเพลทและผ้ายาง ตลอดจนความชื้นในอากาศที่มีผลต่อการดูดซับของกระดาษ ในเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทแบบเดิมไม่มีสามารถปรับแต่งหรือควบคุมสภาวะต่างๆ เหล่านี้ได้โดยทันที แต่ในเครื่อง HP Indigo มีตัวแปรที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้น้อยกว่า และยังมีระบบชดเชยเม็ดสีอยู่ภายใน เพื่อแก้ไขขนาดเม็ดสีให้ถูกต้องตามที่ต้องการอยู่เสมอ จึงสามารถรักษาคุณภาพของสีและเม็ดสีให้สม่ำเสมอได้ตลอดเวลา ผลลัพธ์คือคุณภาพงานพิมพ์ที่สม่ำเสมอตั้งแต่แผ่นแรกถึงแผ่นสุดท้าย

ให้ภาพเงางามสม่ำเสมอบนกระดาษทุกชนิด
ไม่ว่าจะพิมพ์บนกระดาษเคลือบเงาหรือกระดาษเนื้อหยาบด้าน HP Indigo สามารถพิมพ์ภาพเป็นเงามันได้อย่างสม่ำเสมอทั่วทุกจุด ในขณะที่เครื่องพิมพ์ที่ใช้โทนเนอร์เกิดปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงระดับความเป็นเงามันในบริเวณเงาภาพ และบริเวณภาพเน้นจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน ElectroInk มีขนาดเล็กมากเพียงประมาณ 1 ไมครอน ทำให้สามารถไต่ตามระดับตื้นลึกบนผิวกระดาษได้อย่างสม่ำเสมอ เครื่อง HP Indigo จึงสามารถแก้ปัญหาความเงามันที่ไม่สม่ำเสมอไปได้ และพิมพ์งานได้สวยงามแบบมืออาชีพบนกระดาษทุกชนิด

สีสันที่สดใสกว่า
นอกจากจะสามารถพิมพ์สอดสีด้วยสีมาตรฐาน 4 สี (CMYK) เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ททั่วไปแล้ว เครื่อง HP Indigo ยังสามารถพิมพ์ได้ถึง 6 สี โดยเพิ่มสีมาตรฐานขึ้นอีก 2 สี ทั้งนี้เพื่อขยายขอบเขตของ color gamut ให้กว้างขึ้น ครอบคลุมโทนสีได้เกือบทั้งหมด

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ HP Indigo พิมพ์สีได้สวยกว่าออฟเซ็ท ก็เพราะขนาดของเม็ดสี ElectroInk สามารถปรับตั้งได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงความหนาแน่นของสีที่ถ่ายเทลงบนกระดาษนั่นเอง นอกจากนี้หมีกพิมพ์ ElectroInk ทำงานที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำประมาณ 100C ทำให้กระดาษไม่ร้อนจนบิดตัวหรือเสียหาย เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องพิมพ์ที่ใช้โทนเนอร์ซึ่งทำงานที่อุณหภูมิสูงถึง 150C ซึ่งทำให้คุณภาพของงานพิมพ์ด้อยลง

สีสันคงทนไม่ซีดจางแม้ถูกแสงแดด
เทคโนโลยีหมีกพิมพ์ ElectroInk ทำให้สีสันของงานพิมพ์ทนทานต่อรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตจากแสงแดด เม็ดสีขนาดเล็กมากช่วยรักษาคุณสมบัติทางเคมีของสีไม่ให้เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการออกซิไดเซชั่นและความชื้นในอากาศ ทำให้สีของงานพิมพ์มีความคงทนสูง ไม่ซีดจางง่ายดังเช่นการพิมพ์ในระบบออฟเซ็ทแบบเดิม

พิมพ์เสร็จแห้งทันที
ในระบบออฟเซ็ทแบบเดิม เมื่องานพิมพ์เสร็จแล้วอาจต้องทิ้งไว้หลายชั่วโมงเพื่อรอให้หมึกพิมพ์แห้ง ก่อนที่จะสามารถนำไปผ่านกระบวนการหลังพิมพ์ต่อไป สำหรับเครื่อง HP Indigo หมึกพิมพ์จะแห้งทันทีที่ออกจากเครื่องพิมพ์ ซึ่งจะลดความเสี่ยงที่หมึกพิมพ์อาจเปรอะเปื้อน และดังนั้นจึงสามารถนำไปผ่านขั้นตอนหลังพิมพ์ได้โดยทันที เช่นนี้ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์งานพิมพ์ออฟเซ็ทคุณภาพสูงที่จัดทำเฉพาะบุคคล (customized) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และบนกระดาษพิมพ์ที่หลากหลาย

กล่าวโดยสรุป HP Indigo มีประสิทธิภาพเหนือกว่าทั้งการพิมพ์ระบบออฟเซ็ทแบบดั้งเดิมและเครื่องพิมพ์ดิจิตัลที่ใช้โทนเนอร์ เทคนิคเฉพาะของเครื่องในการประมวลผลและการกำเนิดภาพ ผนวกกับเทคโนโลยีของหมึกพิมพ์ ElectroInk ทำให้สามารถพิมพ์ภาพรายละเอียดสูงได้คมชัด มีความสม่ำเสมอของสีและเม็ดสี สีสดใสทนทาน และพิมพ์ภาพได้เงางามบนกระดาษทุกชนิด